Tuesday, 21 May 2013

5 ตำแหน่งหน้าที่ของ LoL

   เกม RTS ทั่วไปที่เราเล่นกันนั้นเราอาจชินกับการเล่นแบบ 2-1-2 นั่นคือ เลนบน(Top Lane)กับเลนล่าง(Bot Lane) เป็นเลนคู่ ส่วนเลนกลาง(Mid Lane)เป็นเลนเดี่ยว แต่หากลองได้ดูในการแข่งขันระดับ Tournament จะพบว่าการเล่นในเลนนั้นมีการสลับปรับเปลี่ยนกันอย่างหลากหลายเลยทีเดียว เช่นใน DotA จะเล่นแบบ 3-1-1 ซึ่งแผนการเล่นในเลนต้นเกม(Lane Phase)ที่แตกต่างกันออกไปนั้นจะเรียกว่าเป็น META ของการเล่นเกม
   หากคุณอยากเล่นแบบ ทุกคน all รวมกันที่เลนกลางตั้งแต่ต้นเกม นั่นก็เป็น META หนึ่งของการเล่นหาก Tactic ของคุณได้ผลดี ก็จะกลายเป็น META ใหม่ก็เป็นได้


ใน League of Legends นั้นมี META ปัจจุบันซึ่งแบ่งฮีโร่ 5 ตัวเป็น 5 หน้าที่ดังนี้

Top Lane(1)
   ลนบนจะเป็นการสู้ 1 ต่อ 1 ระหว่างฮีโร่ที่มีความสามารถสูงในช่วงต้นเกม กล่าวคือมีสกิลที่สามารถเอาตัวรอดได้ หรือมีสกิลทำลายล้างรุนแรงพอเพื่อปราบปราบคู่ต่อสู้ได้ ฮีโร่ในตำแหน่งนี้อาจทำหน้าที่เป็นทั้งตัวทำ Damage หรือตัว Tank ก็ได้ เรียกได้ว่ามีความหลากหลายชนิดมากที่สุดในบรรดาทุกตำแหน่ง

            Jax                                  Renekton                                Yorick

Mid lane(1)
   เลนกลางเป็นเลนที่สั้นกว่าอีก 2 เลนที่เหลือ จะเหมาะกับีโร่สายใช้สกิลผู้ซึ่งไม่ค่อยมีสกิลใช้หนี (เพราะจะได้วิ่งกลับเข้าป้อมได้เร็ว) และมีความสามาร Burst สกิลเร็ว จึงเหมาะกับฮีโร่สาย AP ทั้งหลาย และฮีโร่จำพวก Assassin (นักลอบฆ่า)


        Karthus                                   Ahri                                  Cassiopeia

Bot Lane(2)
   เลนล่างเป็นการต่อสู้แบบ 2vs2 โดยแบ่งเป็น 2 หน้าที่ดังนี้
  1. AD Carry(ADC) : ฮีโร่สายตี ซึ่งมักจะเป็นฮีโร่ที่มีความสามารถต่ำในช่วงต้นเกม แต่มีเลทเกมจะทำ Damage จาก Auto Attack  ได้มาก ฮีโร่เหล่านี้จะเป็นพวก -โจมตีระยะไกล(Range)   -ตัวเปราะบาง


        Caitlyn                                   Ashe                                     Ezreal
  2. Support : ฮีโร่สายช่วยเหลือ มีหน้าที่หลักคือคอยคุ้มกัน AD Carry ที่แสนจะเปราะบาง และช่วยฆ่าฝ่ายตรงข้ามเมื่อมีโอกาสที่เหมาะสม ทั้งนี้ Support จะต้องไม่แย่ง Last shot minions (ยกให้ AD carry หมด) และจะมีหน้าที่ซื้อและปัก Ward ให้ทีมอีกด้วย  
กล่าวคือ Support มีหน้าที่คอยเลี้ยง AD Carry ก็ว่าได้

         Leona                                    Sona                                     Lulu 


Jungle Lane(1)
   นี่เป็นจุดที่แตกต่างออกไปจากเกมอื่นๆ คุณเชื่อหรือไม่ว่า เราสามารถหา Gold ได้จากการฟาร์ม Monster ป่า(หรือก็คือ Natural Monster) ได้เพียงพอเทียบเท่ากับใน Lane แต่อาจจะต้องเจ็บตัวจากการรับ Damage จาก Monster ป่ากันบ้าง ซึ่เป็นฮีโร่ที่มีความอิสระมากที่สุดในการเคลื่อนที่ทั่ว Map จึงมักใช้ประโยชน์จากตรงนี้คือแวะเข้าเลนเพื่อฆ่าฮีโร่ในเลนฝ่ายตรงข้ามเรียกว่าการ Gank (ภาษาไทยมักเรียกว่าการตุย แต่กระผมขอใช้คำว่า Gank แทนครับ
   ฮีโร่ที่เหมาะกับการเล่น Jungle คือฮีโร่ที่มี สกิล Heal ตัวเองเพื่อการอยู่รอดในป่า และมีความสามารถในการ Gank สูง เช่นมี Stun, slow หรือกระโดดข้ามกำแพงได้ เป็นต้น 

        Maokai                                  Shaco                                  Amumu   


ดังนั้นหน้าที่แบ่งตามเลนได้เป็น
Top
Mid
AD Carry
Support
Jungle
---------------------------------------------------------------------------------
TIPS #1
  หน้าที่ที่ขาดไม่ได้คือ AD carry เพราะจะเป็นฮีโร่เลทเกมที่พาทีมชนะได้แม้จะสู้ 1 vs 5 ก็ตาม นอกจากนี้หากหลัง Team Fight แล้วหาก AD carry เป็นผู้เหลือชีวิตรอด เขายังสามารถบุกโจมตีฐานป้อมได้รวดเร็วที่สุดในบรรดาทุกคน   AD carry นั้นอาจหยิบไปเล่นในเลน Top/Mid ได้ แต่จะไม่ได้ประสิทธิผลเท่ากับอยู่เลน Bot ซึ่งมี Support คอยช่วยเหลือ จึงเป็น META ที่ค่อนข้างให้ผลลัพธ์ ที่ดีที่สุด

TIPS #2
   ผู้เล่น Jungle หรือเรียก Jungler ก็ได้ เรียกได้ว่าเป็นผู้ดำเนินเกมเพราะสถานภาพของทั้งสามเลนนั้นอาจโดนปั่นป่วนได้โดยการ Gank ของ Jungler ทั้งหลาย การ Gank ของ Jungler จะช่วยให้ทั้งตัวเองและผู้เล่นในเลนนั้น ได้เงินและประสบการณ์ซึ่งจะทำให้เกิดความแตกต่างทางด้าน Level &Gold ระหว่างผู้เล่นในเลนนั้นๆ ดังนั้นแล้วการมี Jungler มาช่วยจะทำให้ผู้เล่นทีมเรามีสถานภาพดีขึ้นในระยะยาวไปจนถึงเลทเกม
 Jungler ที่ดีต้องคอยช่วยเลนที่กำลังเสียเปรียบ และคอยระวังอันตรายของเลนอื่นๆเสมอหากทีมโดน Gank
---------------------------------------------------------------------------------

Thursday, 18 April 2013

ข้อแตกต่างระหว่าง LOL กับ DOTA #3


League of Legends เกมแห่งการ Burst

   เกม League of Legends นั้นอย่างที่กล่าวไปว่า Skill ทุกอย่างของฮีโร่แรงขึ้นตาม AD หรือ AP ดังนั้น Skill ของฮีโร่แต่ละตัวจะแรงขึ้นหากเกมยิ่งมีความเลท ซึ่งการอัดสกิลชุดเดียวก็สามารถสร้างความเสียหายต่อฮีโร่มากมายจนถึงฆ่าฮีโร่ตายได้เลยก็เป็นได้ จึงเรียกสิ่งนี้ว่าการ 

Burst

   ดังนั้นแล้วการต่อสู้ทีม(Team Fight)หรือก็คือการ All ในเกม League of Legends นั้นจะรวดเร็วกว่า DotA ซึ่งเป็นแนวต่อสู้กันด้วยการตีซะมากกว่า ผมจึงเรียก League of Legends ว่าเป็นเกมแห่งการ Burst
ดูตัวอย่างเช่นในคลิปนี้นะครับ เป็นคลิปของฮีโร่สาย AP ชื่อ Annie ที่มีความสามารถในการ Burst ฮีโร่ตัวเดียวได้อย่างรวดเร็ว
หยิบมาจาก http://www.youtube.com/watch?v=GQNf4XubFrI นะครับ
วิดีโอเหล่านี้ก็หาดูได้ตาม Youtube ทั่วไปเช่นกัน


---------------------------------------------------------------------------------
TIPS #1
   ใน Team Fight ให้ทุกคนโฟกัสที่ศัตรูตัวใดตัวหนึ่ง และพยายาม Burst ด้วยสกิลและการโจมตีของฮีโร่ฝั่งเรา เนื่องจากฮีโร่ใน League of Legends มีคุณสมบัติในการ Burst อยู่แล้วจึงเป็นเรื่องไม่ยากเกินไป
หากเรา Burst ศัตรูให้หายไปตัวหนึ่งได้ก่อน ก็จะกลายเป็นการต่อสู้ 5 Vs 4 ซึ่งทำให้สบายกว่ากันมาก

---------------------------------------------------------------------------------
TIPS #2
   ในทางกลับกันเราเองก็ต้องป้องกันตัวเองจากการ Burst ของศัตรูฝั่งตรงข้ามเช่นกัน แน่นอนว่าใน Team Fight ยังไงก็ต้องมีคนรับ Damage จากฝั่งตรงข้าม หากแต่ฝั่งใดที่มีคนล้มลงไปก่อนจะเป็นฝั่งเสียเปรียบ ดังนั้นจึงจำเป็นที่เราจะต้องรีบถอนตัวออกจากการต่อสู้ทันที หากเราถูกเล็งเป็นเป้าหมายจนเลือดเหลือน้อย 

*** ห้ามคิดเด็ดขาดว่าจะสละชีพเพื่อเพื่อนเพราะนั่นอาจจะเป็นต้นเหตูที่ทำให้คุณแพ้ Team fight ได้ ***

---------------------------------------------------------------------------------

นี่คือตัวอย่างวิดีโอการเล่น Team Fight ที่ดีมากครั้งหนึ่งของทีมชื่อ Gambit Gaming (ทีมสีแดง) ซึ่งสามารถเล่นได้ตามหลักทั้ง 2 TIPS ข้างบนและก็ทำให้พวกเขาชนะเกมนั้นได้ทันทีหลัง Team Fight


สู้เมื่อคุณยังรับ Damage ได้เพียงพอที่จะเอาตัวรอดออกมาภายหลังได้
ถอยเมื่อคุณรู้ว่าคุณรับ Damage ต่อไปไม่ไหวแล้ว

หากทำเช่นนี้แล้ว ทีมของคุณก็จะรอดปลอดภัยทุกคนพร้อมกับ Kill ที่คุณต้องการ.... ขอให้โชคดีนะครับ

Thursday, 28 March 2013

ข้อแตกต่างระหว่าง LOL กับ DOTA #2

Minions & Turrets
 Minions (หรือก็คือ Creeps ใน DotA) มี Stat ที่ต่ำ(ประมาณ 12-20 dmg)เมื่อเทียบกับตัวฮีโร่เลเวล 1 ก็ตาม ซึ่งต่างจาก Creep ใน DotA ที่ตบเราทีเลือดหายไปเป็นบล็อค(ประมาณ 35-50 dmg)  ในทางกลับกัน Turrets หรือป้อมปราการตามเลนนั้นกลับยิงแรงผิดปกติชนิดใจหายใจคว่ำ หากคุณยังเลเวล 1 ป้อมจะยิงคุณตายได้ใน 3 ทีเท่านั้น

Blue turret

DotA: Creeps -- โหด         ป้อม -- ไม่โหด
LoL :  Minions -- ไม่โหด    Turrets -- โหด


ทางเกม LoL เองก็ปรับความสมดุลให้คล้ายๆกับ DotA คือ เพิ่มจำนวน Minions ใน 1 ชุดให้มากขึ้นและทำให้ Turrets นั้นยิงช้ากว่าป้อมใน DotA

---------------------------------------------------------------------------------
TIPS #1
 Turrets ยิงแรงขึ้นทุกครั้งที่ยิงเป้าหมายเดิมติดต่อกันดังนี้
Damage ที่ทำใส่ฮีโร่จะเป็น 105% ของ Attack Damage และจะ +25% ในการยิงครั้งถัดๆไป มากจนไปถึง maximum 225%

 ดังนั้นการลุยฆ่าศัตรูในป้อมจึงเป็นเรื่องอันตรายอย่างมากสำหรับเกม League of Legends นะครับ!!

TIPS #2
 ในทางกลับกันป้อมจะเลือกที่จะยิงเหล่า Minions ก่อนเสมอ หากคุณไม่ได้ทำ Damage ใส่ฮีโร่ฝั่งตรงข้าม(แม้ว่าคุณจะตีป้อมอยู่คนเดียวก็ตาม หากยังมี Minions อยู่ป้อมก็จะเลือกยิง Minions ก่อน)
---------------------------------------------------------------------------------

Last shot & No Deny
 แน่นอนว่าเกมนี้ยังต้องเพิ่งการ Last shot เหล่า Minions เพื่อเก็บ Gold ให้ได้กันเยอะๆ แม้ว่า Minion 1 ตัวของเกมนี้จะให้ Gold น้อยประมาณ 20 ต่อ 1 ตัวแต่ไอเทมในเกม League of legends ก็ไม่ได้แพงเท่าใน DotA แถมเริ่มตันเกม Minions 1 ชุดยังมี 6 ตัวอีกต่างหากดังนั้นการฟาร์ม Minions จึงเป็นแหล่งทองที่สำคัญที่สุดเหมือนเดิม
สังเกตว่า Minions ในเกมนี้มี Stat ที่ต่ำ ดังนั้นโอกาสที่คุณจะแย่ง Last shot ได้นั้นจึงมีมากขึ้นด้วย
 League of Legends เป็นเกมที่ไม่มีการ Deny minion ตัวเองดังนั้นผู้เล่นจึงไม่ต้องใส่ใจ Minion ฝั่งตัวเองให้มากมาย บางคนอาจไม่ชอบเพราะไม่อยากให้ฝ่ายตรงข้ามได้ตังมาก แต่ความจริงแล้วการไม่มีการไม่มีการ Deny ช่วยลดภาระให้เราได้มาก โดยเฉพาะการตั้งสมาธิกับ Last shot


ดังนั้นจึงขอให้ทุกคนตั้งใจกับการ Last shot กันนะครับ :)

ข้อแตกต่างระหว่าง LOL กับ DOTA #1

อย่างแรกเลยคือ ฮีโร่ใน League of Legends ไม่มี Strength, Agility, Intelligence แบ่งแยกสายแต่จะแบ่งแบบง่ายๆคือ

1. Attack Damage -- คือค่าความเสียหายจากการโจมตีธรรมดานั่นเองจะเรียกว่าความเสียหายทางกายภาพ = Physical Damage

2. Ability Power -- นั่นก็คือพลังเวทย์นั่นเอง ซึ่งฮีโร่ใน League of Legends จะใช้เวทมนต์ได้แรงขึ้นตามพลังเวทย์ที่ตัวเองมี ซึ่งต่างไปจาก DotA ที่มี Damage จากเวทมนต์คงตัว(แต่เพิ่มตามเลเวล)ตลอดทั้งเกม เวทมนต์จะทำความเสียหายที่เรียกว่า Magic Damage  (แต่ไม่จำเป็นที่ทุกสกิลต้องเป็น Magic)
   ตัวอย่างสกิลเช่น
ท่า Wild Cards ของฮีโร่ Twisted Fate ซึ่งกำหนดไว้ว่าความเสียหายคือ 60/110/160/210/260 ตามเลเวลสกิล + 65% Ability Power ที่เจ้าตัวมี ซึ่งก็จะเป็น Magic Damage



ในขณะเดียวกันท่า Piltlover Peacemaker ของฮีโร่ Caitlyn เป็นสกิลสร้างความเสียหายกับศัตรูดังนี้ 20/60/100/140/180 +1.3/Attack Damage  ซึ่งก็จะเป็น Physical Damage



ท่าอัลติเมท Noxian Guillotine ของฮีโร่ Darius สร้างความเสียหาย 160/250/340 +0.75/Attack Damage แต่ Damage ที่ทำนั้นเรียกว่าเป็นความเสียหายจริงหรือก็คือ True Damage ซึ่งจะหักจากพลังชีวิตจริงๆด้วยตัวเลขดังกล่าว ถึงแม้ว่าจะเป็นสกิลที่แรงขึ้นตาม Attack Damage ก็ตาม


ดังนั้นฮีโร่ใน League of Legends จึงแบ่งเป็นเพียงแค่ 2 สายคือ สายเวทย์กับสายตี เท่านั้น
ซึ่งจะเรียกย่อๆกันว่า AD & AP นั่นเอง ซึ่งในเกม League of Legends นั้นทั้งสองสายมีโอกาสเป็นสายเลทเกมได้ทั้งคู่

---------------------------------------------------------------------------------
TIPS
สิ่งที่ต้องพึงคิดเสมอคือ เกมที่คุณกำลังเล่นอยู่นั้น
1. ทีมของคุณมีลักษณะเป็น AD หรือ AP ซึ่งการเลือกฮีโร่ทั้้ง 5 ตัวของคุณสำคัญมากที่ควรจะมีทั้งฮีโร่สาย AP และ AD
2. คุณได้รับ damage จาก AP หรือ AD มากกว่ากัน สิ่งนี้ก็ดูได้จากสกิลฮีโร่ฝั่งตรงข้ามรวมถึงการซื้อไอเทมของเขาด้วย


ทำไมถึงต้องดู AP,AD?
Attack Damage  VS  Armor
Ability Power  VS  Magic Resist
True Damage  VS  Health
 สมมติว่าเราเล่นเจอกับทีมที่เป็น AD ทั้งทีม เราก็สามารถเลือกที่จะออกไอเทม Armor เยอะๆ ทำให้ลด Damage ฝั่งตรงข้ามไปโดยที่ไม่ต้องออกไอเทม Magic Resist เลย และจะเก็บช่องว่างใส่ไอเทมไปออกไอเทมอื่นๆที่ทำให้ตัวเราเองแข็งแกร่งขึ้นไปอีกได้ 
 ในทางกลับกันเพื่อกัน เราก็ไม่ควรเลือกทีมตัวเองที่เป็น AD จ๋าหรือ AP จ๋าเช่นกัน เราจึงควรเลือกฮีโร่ของเราให้สมดุล AD-AP Damage Balance  นั่นเอง

แน่นอนว่าหากรู้เขารู้เราแล้ว เราก็ย่อมที่จะรับมือและปราบข้าศึกได้แน่นอน

--------------------------------------------------------------------------------- 


Saturday, 9 March 2013

Beginning

  สวัสดีครับ กระผมในฐานะที่เป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบเกมประเภท RTS(Real Time Strategy) โดยเริ่มต้นที่เกม DotA นั่นเอง ในภายหลังผมก็ได้รับการชักชวนจากเพื่อนให้มาเล่นเกม League of Legends และเล่นมาจนถึงปัจจุบันนี้


ใครสนใจเริ่มเล่นเกม League of Legends ลองเริ่มเล่นได้โดยสมัครและดาวน์โหลดเกมผ่านลิงค์ข้างล่างนี้

  
  แม้ว่า League of Legends จะเป็นเกมที่สร้างเลียนแบบ DotA ก็ตาม แต่ก็ยังมีหลายจุดที่แตกต่างกับ DotA ผมจึงอยากจะแนะนำ Tips เล็กๆน้อยๆ สำหรับคนไทยที่เพิ่งหันเข้ามาเล่นเกม League of Legends สำหรับผู้ที่เข้าชม Blog นี้

 ด้วยเหตุนี้ ผมจึงอยากอธิบายเหตุผลเล็กๆน้อยๆที่ทำให้ผมตัดสินใจมาเล่นเกมนี้อย่างจริงจังครับ

1. League of Legends พัฒนาจาก DotA โดยมุ่งแก้ไขปัญหาเล็กๆน้อยๆในการเล่นเกมที่เกิดขึ้นใน DotA เพื่อความสะดวกและความไหลลื่นของการเล่นเกมดังเช่น

มีการทำโทษหากออกจากเกมกลางคัน(Leave game) คือไม่สามารถเริ่มเกมใหม่ได้หากเกมที่คุณ Leave มานั้นยังไม่จบ
 ในขณะเดียวกันหากคุณ Leave game โดยไม่ได้ตั้งใจ เช่นอินเทอร์เน็ตหลุด คุณสามารถ Reconnect ได้หากเกมนั้นยังดำเนินอยู่
 มีการลงโทษผู้เล่นที่ Leave game หรือประพฤติตนไม่ดีโดยการ Report ผู้เล่นคนนั้นหลังจบเกม ซึ่งมีหลายหัวข้อให้เลือก  ทั้งนี้ ทีมงาน RIOT(บริษัทสร้างและควบคุมเกม League of Legends)จะเป็นคนพิจารณาว่าผู้เล่นนั้นสมควรโดนแบนหรือไม่

 อย่างงี้เราก็จะได้เล่นเกมที่เป็นเกมซะที ไม่ต้องครีเกมใหม่บ่อยๆ 555   


 ยังมีปัญหาเล็กๆน้อยๆที่เวลาเราเล่น DotA แล้วมักจะเกิดขึ้นคือการหลุดควบคุมฮีโร่ของเรา ซึ่งมักจะใช้เป็นข้ออ้างได้เสมอเวลา All สู้กันเพราะมันมีโอกาสสูงมากที่เราจะคลิกเมาส์พลาดหลุด Control ฮีโร่ของเรา    ซึ่งใน League of Legends นั้นปรับให้หน้าจอของเราควบคุมฮีโร่ของเราเสมอ(ไม่มีข้ออ้างละ ^.^) พร้อมๆกับสามารถคลิกดูข้อมูลฮีโร่ตัวอื่นได้ด้วยอย่างไร้กังวล

 ปัญหาปุ่มสกิลของ DotA ที่ค่อนข้างกระจัดกระจาย จนต้องใช้โปรแกรมอื่นเข้าช่วยทำ HotKey เพื่อให้กดได้สะดวกขึ้น ในส่วนนี้เองทางเกม League of Legends ได้ปรับปุ่มการใช้สกิลเรียงกันเพื่อความกดง่าย และผู้เล่นยังสามารถปรับเปลี่ยนปุ่มกดสกิลได้ตามใจชอบโดยทำได้ดังนี้
กด Esc --> Key Bindings --> เลือกเปลี่ยนสกิลตามใจชอบ

Mini Map จะแสดงผลภาพที่เข้าใจง่ายขึ้นและ แยกแยะระหว่างศัตรูกับเพื่อนได้อย่างกระจ่าง ซึ่งใน DotA บางทีเราเผลอกดปุ่มพลาดไปเปลี่ยนหน้าจอ Mini Map ทำให้สับสน ทาง League of Legends ได้แก้ไขปัญหานี้ได้อย่างดีทีเดียว

 มีการแนะนำ item ให้สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มเล่นใหม่ ซึ่งผมว่าเป็นข้อดีมากๆของเกมนี้ (ประทับใจ)


2. League of Legends เป็นเกมที่มีการพัฒนาอยู่เสมอ ทุกๆ 1-2 สัปดาห์ จะมีการอัพเดท Patch ซึ่งจะคอยปรับปรุงแก้ไขจุดต่างๆที่เกิดขึ้นในการเล่นเกมของทั่วโลก (เค้ามีการเก็บสถิติทั่วโลกตลอดเวลานะครับ) ดังเช่น
      แก้ไข Bug ของฮีโร่ที่เกิดขึ้น
      คอยปรับปรุงความสามารถของฮีโร่ โดยดูจากสถิติการชนะของฮีโร่ทุกตัว 
          หากตัวไหน OP(Overpower) ก็จะปรับให้อ่อนลง เรียกว่า การ Nerf
          หากตัวไหน UP(Underpower) ก็จะปรับให้เก่งขึ้น เรียกว่า การ Buff
      นำฮีโร่ตัวใหม่เข้าสู่เกม
     ปรับเปลี่ยน Item โดยอาจมีทั้งการ Nerf และ Buff


หากเข้าใจแล้วก็มาเล่นด้วยกันเยอะๆนะครับ(ไม่ได้บังคับ แต่แนะนำจริงๆนะ)